รีวิวจากผู้ใช้จริง Mazda CX-3

รถสวยอีกตัวหนึ่งที่คุณต้องลอง

วันนี้เราจะมาพูดถึงรถยอดนิยมที่เป็นกระแสในปีนี้กับ Mazda CX-3 กับรูปลักษณะที่สวยงามโดดเด่นโดนใจวัยรุ่น และเครื่องยนต์ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย มาสด้า CX-3 ราคาก็ยังจับต้องกันได้สำหรับผู้ที่สนใจในรถยนต์รุ่นนี้ รถยนต์ Mazda CX-3 ถือเป็นตัวเล็กของรถแนวนี้ของมาสด้า ที่เหมาะแก่การลุยเบาๆ แต่คราวนี้เราอยากรีวิวเจ้า CX-3 ในสไตล์ “มีรถ..ไปไหนก็ได้” ในตัวท้อปสุดของรุ่นนี้ กับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 1.5 ลิตร ที่มีค่าตัวสูงหน่อย 1.193 ล้านบาท แต่อร่อยยังไงเดี๋ยวเราไปดูกัน

mazda cx 3 2018 ภายใน

เริ่มต้นการเดินทาง

หลังจากรับหนึ่งหนุ่ม กับสองสาวผู้ร่วมเดินทางทริปตะลอนเมืองเพชรบุรีครบแล้ว พวกเรา 4 คน ได้ออกเดินทางโดยใช้ทางด่วนลงพระรามสองแล้วตรงยาวๆ ตอนแรกว่าจะตั้ง GPS ใน CX-3 ที่มีมาให้ แต่เนื่องจากจุดหมายเราไม่แน่นอน จึงไม่ตั้งเสียดีกว่า เอาแค่เปิดเพลงโดยเชื่อมต่อจากมือถือเราก็เพลินแล้ว และดีที่คันนี้มีช่องเชื่อมต่อ USB ถึง 2 ช่อง สบายไปจะได้ไม่ต้องแย่งที่ชาร์จกัน

เพื่อนร่วมทางที่นั่งด้านหน้ากำลังง่วนอยู่กับหน้าจอสัมผัส 7 นิ้วบนกลางแผงคอนโซล ปรับนู่น เปลี่ยนนี่…ผมเลยแนะนำว่า ใช้ปุ่ม Center Commander ที่อยู่ตรงแถวเบรกมือสิ ใช้ง่ายกว่าเยอะ ไม่ต้องเอื้อมด้วย เพราะตำแหน่งจอมันไกลกับตำแหน่งคนขับพอควร

ขึ้นชื่อว่ามาสด้า เรื่องสมรรถนะไว้ใจได้จริง ช่วงล่างออกแนวสปอร์ต น้ำหนักพวงมาลัยตึงมือดี ควบคุมง่าย อาการอันเดอร์สเตียร์ไม่ค่อยมีให้เห็น เบรกก็เป็นอีกอย่างที่ผมค่อนข้างชอบเอามากๆ เพราะให้ความรู้สึกตอนเหยียบแบบคุมระยะการเบรกได้แม่นตามน้ำหนักเท้า

ใครที่คิดว่าเทอร์โบจะช่วยให้รู้สึกถึงแรงดึงหลังติดเบาะนั้นลืมไปได้เลย แต่เพราะเครื่องยนต์ Skyactiv-D ตัวนี้มีขนาด 1,500 ซีซี การที่มีเทอร์โบเข้าช่วยจึงทำให้ขับง่าย เดินคันเร่งนิดหน่อย รถก็ไปแล้ว เทียบง่ายๆ ก็เหมือนกับเราขับรถยนต์เบนซินเครื่อง 2,000 ซีซี(ที่ไม่มีเทอร์โบนะ)

อีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ เรื่องเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่เรียกว่า i-activesense ที่ให้มาเยอะมากทีเดียว ทั้งระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ ระบบเตือนเมื่อเบี่ยงออกนอกเลน ฯลฯ แต่ที่ได้ลองใช้ในทริปนี้ก็คือ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (mazda radar cruise control) ช่วยได้มากทีเดียวตอนที่ขับรถยาวๆ แค่ตั้งความเร็วให้ขับอัตโนมัติ ซึ่งนอกจากจะยกเท้าออกจากคันเร่งได้แล้ว พอรถเราไปตามหลังคันข้างหน้าที่มีความเร็วน้อยกว่า เราไม่ต้องเหยียบเบรกเพื่อชะลอเลย แต่รถจะชะลอให้เองโดยอัตโนมัติ สิ่งที่เราต้องทำก็แค่ถือพวงมาลัยควบคุมทิศทางก็แค่นั้น

ไม่รู้ว่าทริปครั้งนี้สองสาวขยันชิมแต่ของอร่อยๆ มากไปหรือเปล่า จึงมีเสียงบ่นอยู่สักหน่อยว่าอึดอัด นั่งยาวๆ อย่างนี้ต้องขยับแข้งขาอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก็น่าจะมาจากการแชร์แพลตฟอร์มร่วมกับมาสด้า2

ส่วนของน้ำมัน

เมื่อผ่านไป 240 กม.แต่บอกก่อนว่า ผมขับอยู่ในเมืองผ่านการจราจรอันแสนสาหัสมาก่อนราว 70 กม.ตั้งแต่น้ำมันเต็มถัง ก่อนจะรับชาวแก๊งค์ตะลอนทัวร์ไปเพชรบุรี พอแวะปั๊มเติมน้ำมันดีเซลเข้าไป 400 บาท ได้น้ำมันมา 15.79 ลิตร…พลันจิ้มเครื่องคิดเลข จึงได้อัตราสิ้นเปลืองประมาณ 15.19 กม./ลิตร หรือตกแล้ว กม.ละ 1.6 บาท กำลังดีเลยทีเดียว